MANCHESTER UNITED .
คุยภาษา MANCHESTER...
- ประวัติศาสตร์ได้ว่าเอาไว้ นับตั้งแต่การได้แชมป์แรกภายใต้การคุมทีมของ เซอร์ อเล็กซ์ มีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ที่แมนฯ ยูไนเต็ด เว้นช่วงห่างจากถ้วยแชมป์มากกว่าหนึ่งปี (ในปี 2004 -2006) ดังนั้นก็เป็นไปได้สูงว่าหลังจากที่พลาดแชมป์ในปีที่แล้ว ในฤดูกาล 2010/11 นี้แมนฯ ยูไนเต็ด จะกลับมาทวงแชมป์คืน
- ความกระหายในชัยชนะ นายใหญ่ของทีมมักจะพินิจพิจารณาลูกทีมก่อนเริ่มฤดูกาลเสมอเพื่อดูให้แน่ใจ ว่าพวกเขายังมีแรงขับที่ต้องการจะเอาชนะ เราเก็บชัยชนะในเวมบลีย์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาด้วยความมั่นใจ และนั่นก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเราต้องการถ้วย
ความผิดหวังจากฟุตบอลโลก นอกเหนือจากชิชาริโต้แล้ว เหล่านักเตะที่เหลือของทีมต่างก็ผิดหวังจากเกมทีมชาติทั้งนั้น ไม่จะเป็นการตกรอบแรก รอบสอง หรือรอบไหนๆ แล้วทำไมถึงเป็นสิ่งที่ดีต่อสโมสรล่ะ? เหตุผลข้อแรกก็คือ พวกเขาจะพยายามอย่างสุดเหวี่ยงที่จะกลับมาคว้าชัยชนะอีกครั้ง และข้อสองก็คือ พวกเขาได้พักผ่อนมามากเพียงพอแล้ว
- เราคงไม่โชคร้ายเพราะอาการบาดเจ็บอีกแล้วล่ะมั๊ง แน่นอน เราคงไม่ต้องเจอปัญหานักเตะบาดเจ็บขั้นรุนแรงเหมือนช่วงหน้าหนาวปีที่แล้ว ที่แบบว่าทั้งแนวแบ็คโฟร์ต้องพากันเข้ารับการรักษาหรอก
- ตัวช่วยสำหรับเวย์น รูนี่ย์ ในปีนี้เรามีตัวช่วยทำประตูเพิ่มขึ้นมาอย่างชิชาริโต้ รวมไปถึงการกลับมาเข้าฟอร์มอีกครั้งของ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ
- แชมป์ลีกครั้งสุดท้าย สำหรับนักเตะจอมเก๋าอย่างไรอัน กิ๊กส์, พอล สโคลส์, แกรี่ เนวิลล์ และเอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ พวกเขาต่างก็ต้องการชัยชนะ นั่นคือถ้วยแชมป์ลีก อีกครั้งก่อนที่จะแขวนสตั๊ด (แม้จะมีข่าวลือว่ากิ๊กซี่ จะเล่นถึงปี 2050 ก็เถอะ)
- ความสามารถของเหล่าเด็กๆ นักเตะหนุ่มเลือดใหม่ของทีมนำโดย จอนนี่ อีแวนส์ จะเป็นเรี่ยวแรงสำหรับของแมนฯ ยูไนเต็ด นอกจากนี้ เรายังต้องจับตามองดาวรุ่งอย่าง ราฟาเอล, ฟาบิโอ, มาเคด้า, กิ๊บสัน, สมอลลิ่ง และโอเบอร์ต็อง รวมทั้งมิดฟิลด์ตัวรุกอย่างทอม เคลฟเวอร์ลี่ย์ ไว้ให้ดี
- จอห์น โอเชีย ความสมดุลในการป้องกันของเขาค่อนข้างรวนนิดหน่อยในฤดูกาลที่แล้ว (อาจเพราะล้าจากการลงเล่น 54 เกมในปี 2008/09) แต่หลังจากนั้นเราก็ต้องยอมโค้งคำนับงามๆ ให้กับเขาหลังจากขึ้นมาเติมเกมบุกได้อย่างยอดเยี่ยมในเกมอุ่นเครื่อง
คุยภาษา MANCHESTER...
- ประวัติศาสตร์ได้ว่าเอาไว้ นับตั้งแต่การได้แชมป์แรกภายใต้การคุมทีมของ เซอร์ อเล็กซ์ มีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ที่แมนฯ ยูไนเต็ด เว้นช่วงห่างจากถ้วยแชมป์มากกว่าหนึ่งปี (ในปี 2004 -2006) ดังนั้นก็เป็นไปได้สูงว่าหลังจากที่พลาดแชมป์ในปีที่แล้ว ในฤดูกาล 2010/11 นี้แมนฯ ยูไนเต็ด จะกลับมาทวงแชมป์คืน
- ความกระหายในชัยชนะ นายใหญ่ของทีมมักจะพินิจพิจารณาลูกทีมก่อนเริ่มฤดูกาลเสมอเพื่อดูให้แน่ใจ ว่าพวกเขายังมีแรงขับที่ต้องการจะเอาชนะ เราเก็บชัยชนะในเวมบลีย์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาด้วยความมั่นใจ และนั่นก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเราต้องการถ้วย
ความผิดหวังจากฟุตบอลโลก นอกเหนือจากชิชาริโต้แล้ว เหล่านักเตะที่เหลือของทีมต่างก็ผิดหวังจากเกมทีมชาติทั้งนั้น ไม่จะเป็นการตกรอบแรก รอบสอง หรือรอบไหนๆ แล้วทำไมถึงเป็นสิ่งที่ดีต่อสโมสรล่ะ? เหตุผลข้อแรกก็คือ พวกเขาจะพยายามอย่างสุดเหวี่ยงที่จะกลับมาคว้าชัยชนะอีกครั้ง และข้อสองก็คือ พวกเขาได้พักผ่อนมามากเพียงพอแล้ว
- เราคงไม่โชคร้ายเพราะอาการบาดเจ็บอีกแล้วล่ะมั๊ง แน่นอน เราคงไม่ต้องเจอปัญหานักเตะบาดเจ็บขั้นรุนแรงเหมือนช่วงหน้าหนาวปีที่แล้ว ที่แบบว่าทั้งแนวแบ็คโฟร์ต้องพากันเข้ารับการรักษาหรอก
- ตัวช่วยสำหรับเวย์น รูนี่ย์ ในปีนี้เรามีตัวช่วยทำประตูเพิ่มขึ้นมาอย่างชิชาริโต้ รวมไปถึงการกลับมาเข้าฟอร์มอีกครั้งของ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ
- แชมป์ลีกครั้งสุดท้าย สำหรับนักเตะจอมเก๋าอย่างไรอัน กิ๊กส์, พอล สโคลส์, แกรี่ เนวิลล์ และเอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ พวกเขาต่างก็ต้องการชัยชนะ นั่นคือถ้วยแชมป์ลีก อีกครั้งก่อนที่จะแขวนสตั๊ด (แม้จะมีข่าวลือว่ากิ๊กซี่ จะเล่นถึงปี 2050 ก็เถอะ)
- ความสามารถของเหล่าเด็กๆ นักเตะหนุ่มเลือดใหม่ของทีมนำโดย จอนนี่ อีแวนส์ จะเป็นเรี่ยวแรงสำหรับของแมนฯ ยูไนเต็ด นอกจากนี้ เรายังต้องจับตามองดาวรุ่งอย่าง ราฟาเอล, ฟาบิโอ, มาเคด้า, กิ๊บสัน, สมอลลิ่ง และโอเบอร์ต็อง รวมทั้งมิดฟิลด์ตัวรุกอย่างทอม เคลฟเวอร์ลี่ย์ ไว้ให้ดี
- จอห์น โอเชีย ความสมดุลในการป้องกันของเขาค่อนข้างรวนนิดหน่อยในฤดูกาลที่แล้ว (อาจเพราะล้าจากการลงเล่น 54 เกมในปี 2008/09) แต่หลังจากนั้นเราก็ต้องยอมโค้งคำนับงามๆ ให้กับเขาหลังจากขึ้นมาเติมเกมบุกได้อย่างยอดเยี่ยมในเกมอุ่นเครื่อง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น